หรือฟันบนยื่นยาวออกมามากกว่าปรกติยิ้มแล้วเห็นเหงือกชัดเจน
ความผิดปรกติดังกล่าวสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่คือ
1.การสบฟันผิดปรกติที่เกิดฟัน (Dental malocclusion) เกิดจากการเรียงตัวหรือการซ้อนเกของฟันโดยไม่มีความผิดปรกติของกระดูกขากรรไกร ผู้ป่วยกลุ่มนี้จะมีความสัมพันธ์และขนาดของกระดูกขากรรไกรที่ปรกติ ดังนั้นการรักษาด้วยการจัดฟันอย่างเดียวก็สามารถที่จะทำให้มีการสบฟันที่เหมาะสมได้
2.การสบฟันผิดปรกติที่เกิดจากความผิดปรกติของกระดูกขากรรไกร (Skeletal Malocclusion) สาเหตุเกิดจากความแตกต่างในรูปร่าง ขนาดและหรือตำแหน่งของกระดูกขากรรไกรอันใดอันหนึ่งหรือทั้งสอง เช่นขากรรไกรบนหรือล่างมีขนาดใหญ่หรือเล็กกว่าปรกติ หรือขากรรไกรหนึ่งมีขนาดใหญ่ในขณะที่อีกอันมีขนาดเล็กกว่าปรกติ ในผู้ป่วยกลุ่มดังกล่าวการจัดฟันจะไม่สามารถแก้ไขความผิดปรกตินี้ได้มากนักเพราะการสบฟันที่ผิดปรกติเกิดจากขนาดที่ไม่สัมพันธ์กันของกระดูกขากรรไกร การสบฟันผิดปรกติที่เกิดจากความผิดปรกติของกระดูกขากรรไกรมักจะพบร่วมกับความผิดปรกติของลักษณะโครงสร้างใบหน้า ลักษณะใบหน้าทางด้านข้างจะโค้งนูนถ้าขากรรไกรล่างมีขนาดเล็ก หรือมีลักษณะเว้าถ้าขากรรไกรล่างมีขนาดใหญ่ ลักษณะนี้เกิดขึ้นเช่นเดียวกันถ้าขากรรไกรบนมีขนาดเล็กหรือใหญ่กว่าปรกติ
การรักษาด้วยการจัดฟันอย่างเดียวไม่เพียงพอที่จะแก้ไขความผิดปรกตินี้ได้หากต้องการให้ได้ทั้งการสบฟันที่ดีและลักษณะโครงสร้างใบหน้าที่สวยงาม การทำศัลยกรรมกระดูกขากรรไกรบนหรือล่างหรือทั้งสองขากรรไกรจึงมักทำในผู้ป่วยกลุ่มนี้เพื่อแก้ไขตำแหน่งของกระดูกขากรรไกร เพิ่มประสิทธิภาพของการบดเคี้ยว ร่วมกับทำให้ลักษณะโครงสร้างใบหน้าที่สมดุลและสวยงามขึ้น
ความผิดปรกติในผู้ป่วยกลุ่มนี้อาจจะเกิดจากพันธุกรรมหรือปัจจัยแวดล้อม ในปัจจุบันไม่เป็นที่แน่ชัดว่าสาเหตุใดมีผลมากกว่าต่อการเกิดลักษณะการสบฟันและโครงสร้างใบหน้าที่ผิดปรกติ มีการศึกษามากมายที่ทำในกลุ่มพี่น้องและคู่แฝดพบว่าไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 เกิดจากปัจจัยทางพันธุกรรม ในขณะที่สาเหตุของกลุ่มที่ 1 ที่การสบฟันที่ผิดปรกติเกิดจากการเรียงตัวของฟันมักเกิดจากปัจจัยแวดล้อม